สถาที่ท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรสงคราม


ตลาดน้ำอัมพวา หรือ ตลาดน้ำยามเย็น : Amphawa Floating Marketตลาดน้ำอัมพวา (Amphawa Floating Market)

ตลาดน้ำยอดฮิต!! ถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของจังหวัดสมุทรสงคราม ตลาดริมคลองอัมพวาแห่งนี้ ตั้งอยู่ใกล้วัดอัมพวันเจติยาราม (จอดรถที่วัดอัมพวันเจติยารามได้) ทุกวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ ในช่วงเวลาเย็นตั้งแต่ช่วงเวลา 12.00 น. – 20.00 น. ในคลองอัมพวาจะมีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายอาหารและเครื่องดื่ม เช่น หอยทอด ก๋วยเตี๋ยว อาหารทะเล กาแฟ โอเลี้ยง ขนมหวานต่าง ๆ และมีรถเข็นขายของบนบกด้วย บรรยากาศสบาย ๆ มีดนตรีเพื่อความเพลิดเพลินจากเสียงตามสายของชุมชนอัมพวา ท่านสามารถเดินเที่ยวชมตลาดหาซื้ออาหารรับประทาน และลงเรือไปชมหิ่งห้อยในยามค่ำคืนได้ ค่าบริการท่านละ 60-80 บาท

ชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน : See Fireflies at nightล่องเรือชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน (See fireflies at night)

กิจกรรมยอดนิยม! ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย เป็นชื่อเรียกแมลงปีกแข็ง ทั่วทั้งโลกมีทิ้งถ่วงประมาณ 2,000 ชนิด นับว่าเป็นแมลงที่มีคุณลักษณะพิเศษ คือสามารถบ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์และสมดุลของธรรมชาติได้ อีกทั้งยังมีมีแสงเรือง ๆ ที่ก้น ด้วยเหตุนี้นักท่องเที่ยวที่มายังจังหวัดสมุทรสงคราม จึงนิยมล่องเรือไปตามแหล่งธรรมชาติริมน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ เช่น ต้นลำพูที่อยู่ตามริมแม่น้ำ เพื่อดูแสงไฟของเจ้าแมลงหิ่งห้อยเหล่านี้ นับว่าเป็นกิจกรรมที่พลาดไม่ได้จริง ๆ ท่านสามารถไปล่องเรือชมหิ่งห้อยในยามค่ำคืนได้ โดยขึ้นเรือจากท่าเรือที่ตลาดน้ำอัมพวา ค่าบริการท่านละ 60-80 บาท หรือหากมาเป็นหมู่คณะ สามารถติดต่อเช่าเรือเหมาลำจากทางรีสอร์ทได้ โดยจะขึ้นเรือจากท่าน้ำหน้ารีสอร์ทกันเลย

วัดอัมพวันเจติยาราม : Wat Amphawan Chetiyaram Templeวัดอัมพวันเจติยาราม (Wat Amphawan Chetiyaram Temple)

วัดของตระกูลราชินิกุลบางช้าง อยู่ใกล้กันกับอุทยาน ร.๒ และตลาดน้ำอัมพวา สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 หลังวัดแห่งนี้เคยเป็นนิวาสสถานเก่าของหลวงยกกระบัตร (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) และ คุณนาค (สมเด็จพระอมรินทรามาตย์พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 1) และเป็นสถานที่พระราชสมภพของรัชกาลที่ 2 เชื่อกันว่าบริเวณพระปรางค์ของวัดอัมพวันเจติยาราม เดิมเป็นเรือนที่คุณนาคใช้เป็นที่คลอดคุณฉิมบุตรชาย ซึ่งต่อมาได้เป็น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย


อุทยาน รัชกาลที่ 2 (สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) : King Rama II Memorial Parkอุทยาน รัชกาลที่ 2 (King Rama II Memorial Park)

พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย อยู่ติดกับวัดอัมพวันฯ และตลาดน้ำอัมพวา ลักษณะเป็นอาคารทรงไทยหลัง แบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ เช่น หอกลาง ภายในประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 2 และจัดแสดงศิลปโบราณวัตถุสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เช่น เครื่องเบญจรงค์ เครื่องถ้วย หัวโขน ห้องชาย จัดแสดงให้เห็นลักษณะความเป็นอยู่ของชายไทยที่มีความกล้าหาญ มีพระพุทธรูปสำหรับบูชา รวมทั้งแท่นพระบรรทมซึ่งเชื่อว่าเป็นของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ห้องหญิง แสดงให้เห็นลักษณะความเป็นอยู่ของหญิงไทยโบราณ โต๊ะเครื่องแป้ง คันฉ่อง ชานเรือน จัดแสดงตามแบบบ้านไทยโบราณ ตกแต่งด้วยกระถางไม้ดัด ไม้ประดับ ห้องครัวและห้องน้ำ จัดแสดงลักษณะครัวไทยมีเครื่องหุงต้ม ถ้วยชามและห้องน้ำของชนชั้นกลาง

ค่ายบางกุ้ง : Bang Kung Campค่ายบางกุ้ง (Bang Kung Camp)

ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที เมื่อมาถึงบริเวณค่ายจะมองเห็นแนวกำแพงจำลองสร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์จากการ สู้รบ ค่ายแห่งนี้เป็นค่ายทหารเรือไทยที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ หลังจากเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ได้โปรดให้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายที่ตำบลบางกุ้ง เรียกว่า ค่ายบางกุ้ง เนื่องจากเมืองแม่กลองเป็นเส้นทางที่กองทัพพม่าใช้ในการเดินทัพ โดยสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งให้อยู่กลางค่ายเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและ เป็นที่เคารพบูชาของทหาร พระเจ้าตากสินมหาราชได้โปรดให้คนจีนจากระยอง ชลบุรี ราชบุรีและกาญจนบุรีรวบรวมผู้คนมาตั้งเป็นกองทหารรักษาค่าย ค่ายนี้จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนี่งว่า “ค่ายจีนบางกุ้ง” พระองค์ทรงให้ชื่อทหารเหล่านี้ว่า “ทหารภักดีอาสา” ในปี พ.ศ. 2311 พระเจ้ากรุงอังวะทรงยกทัพผ่านกาญจนบุรี มาล้อมค่ายจีนบางกุ้ง พระเจ้าตากสินมหาราชและพระมหามนตรี (บุญมา) ร่วมรบขับไล่กองทัพพม่าทำให้ข้าศึกแตกพ่าย นับเป็นค่ายทหารไทยที่สร้างความเกรงขามให้กองทัพพม่า สร้างขวัญกำลังใจให้คนไทยกลับคืนมา และเป็นสงครามครั้งแรกที่ไทยทำกับพม่าหลังจากที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ค่ายบางกุ้งแห่งนี้ถูกปล่อยให้รกร้างเกือบ 200 ปี จนมาถึงปี พ.ศ. 2510 กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ตั้งเป็นค่ายลูกเสือขึ้น เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระเจ้าตากสินมหาราช และได้สร้างศาลพระเจ้าตากสินไว้เป็นอนุสรณ์ โดยทำพิธียกศาลเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511 ภายในบริเวณค่ายยังมีโบสถ์ที่สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ชาวบ้านเรียกว่า “โบสถ์หลวงพ่อดำ” มีลักษณะพิเศษคือ โบสถ์ทั้งหลังปกคลุมด้วยด้วยต้นไม้ถึงสี่ชนิด คือ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร ต้นกร่าง ชาวบ้านเรียกว่าโบสถ์ปรกโพธิ์และไม่ไกลนักเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์สมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราช


ขอบคุณที่มาจาก : www.baansiriporn.com


9 ความคิดเห็น: